Bitcoin จะเกิดอะไรขึ้น? ตลาดคริปโต จะเป็นอย่างไรในปี 2023?

ุ5 นาที
อัพเดทครั้งล่าสุด 17 เม.ย. 2566 07:32 น.
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

ความร้อนแรงของสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หลายปีที่ผ่านมา หลายคนคงได้ยินคำว่า บิทคอยน์ (Bitcoin) กันมากขึ้น หลังมีกระแสโด่งดังมากมาย บทความนี้จะพาไปดูว่าตลาด Crypto จะเป็นอย่างไรในปี 2023 บิทคอยน์ยังเป็นเหรียญที่น่าลงทุนอยู่ไหม ไปดูกัน!!

สาเหตุอะไรทำให้ Bitcoin ร่วงลงในปี 2022

  •       จีนล็อกดาวน์

จากรัฐบาลจีนประกาศล็อคดาว เพื่อควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้โรงงานผลิตได้รับผลกระทบ ทำให้อัตราการส่งออกของประเทศจีนต้องหยุดชะงัก เกิดการขาดสภาพคล่อง รวมทั้งทำให้  อุปสงค์ (Demand) ภายในประเทศเสียหายด้วย 


อีกทั้งรัฐบาลจีนสั่งห้ามขุดบิทคอยน์เมื่อเดือนก.ค.ปี 2564 ที่ผ่านมา เพราะมีแผนใหญ่ที่จะเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่เรียกว่าหยวนจีนดิจิทัล (e-CNY) ทั่วประเทศ หลังได้สั่งห้ามการทำธุรกรรมคริปโตทั้งหมดเมื่อเดือนก.ย.2565 และห้ามการแลกเปลี่ยนคริปโตข้ามพรมแดน ทำให้ตลาดคริปโตเกิดแรงเทขายออกมาอย่างหนักหน่วง


       รัสเซีย-ยูเครน

เหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครน ถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลายด้านด้วยกัน เป็นเหตุส่งผลให้หลายประเทศประสบวิกฤตราคาอาหารและพลังงานพุ่งสูงขึ้น ทำให้ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงขึ้นจนนำมาสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาด Crypto จนทำให้ Bitcoin ร่วงทะลุถึง 30,000 USD


  •       เข้าสู่ Crypto Winter 2022

เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Bitcoin ร่วง เพราะตลาด Crypto กำลังเข้าสู่ภาวะที่เรียกกันว่าวิกฤต Crypto Winter เป็นช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุดของ Bitcoin เลยก็ว่าได้ ซึ่งวิกฤต Crypto Winter มาพร้อมกับปรากฏการณ์กระดานเทรด Crypto เจ้าใหญ่ต่างล่มสลายกัน ส่งผลให้ราคาของเหรียญต่าง ๆ ร่วงตามไปด้วย มากไปกว่านั้นนักลงทุนยังต้องเผชิญกับนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยตามมาอีกด้วย จึงทำให้ Bitcoin ดิ่งลงมาประมาณ 75% หรือมูลค่าตลาดของ Crypto หายไปจากตลาด จำนวน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากที่เคยทำ All-Time-High มูลค่าของตลาด Crypto เคยขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดที่ 3.01 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อพฤศจิกายนปี 2021 


หลังจากเหตุการณ์ Fed ออกมาประกาศขึ้นดอกเบี้ย ทำให้เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2022 ราคาของ Bitcoin เหรียญพี่ใหญ่ของ Crypto ร่วงทะลุ 20,000 USD ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี จากเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2021 มีราคาสูงถึง 69,000 USD ทำให้นักลงทุนขาดทุนได้ถึง 70% จากเงินหลักล้านล่วงลงเหลือแค่หลักแสนภายในไม่กี่เดือน


ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ที่ผ่านมา

16817136054955

ที่มา: statista


สำหรับการ Halving ปัจจุบันเกิด Bitcoin Halving มาแล้ว 3 ครั้ง 


   - ครั้งแรกในปี 2012 รางวัลลดลงจาก 50 BTC เป็น 25 BTC 


   - ครั้งที่สองในปี 2016 ลดลงจาก 25 BTC เป็น 12.5 BTC 


   - ครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ปี 2020 ลดลงจาก 12.5 เป็นเหลือรางวัล 6.25 BTC ต่อบล็อก ถือเป็นปีที่ตลาดคริปโตอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยปล่อยอุปทานเหรียญออกมา 2,625,000 BTC ราคาบิทคอยน์ตอนนั้นอยู่ที่ 9,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และพุ่งขึ้นไปแตะ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อจบสิ้นปี จะเห็นได้ว่าทุกครั้งหลังจาก Halving มูลค่าของ BTC จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง


   - ส่วนวันที่คาดว่าจะเกิด Halving ครั้งต่อไป คือประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2024 ซึ่งรางวัลจะลดลงจาก 6.25 เหรียญ เป็น 3.125 เหรียญโดยประมาณ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาหรือไม่อย่างไรนั้นเราต้องคอยดูกันต่อไป

Bitcoin crash มีความหมายอย่างไรสำหรับนักลงทุนคริปโต?

Bitcoin crash มีความหมายว่า การที่ราคาเหรียญคริปโตนั้นร่วงลงมาอย่างรุนแรง อาจมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น การเทขายเหรียญจำนวนมากส่งผลให้เกิดอุปสงค์ลดลง ราคาเหรียญจึงตกลงอย่างรุนแรง รวมไปถึงการเกิดสงครามหรือโรคระบาดจึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของราคาเหรียญคริปโต จากหลาย ๆ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาเหรียญมีความผันผวนขึ้น-ลงรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดมาโดยตลอด จึงทำให้เกิดผลกระทบของการลดลงของราคา Bitcoin ต่อนักลงทุน เป็นการขาดทุนมากกว่าได้ผลกำไรตอบแทน แต่ในทางกลับกันหากนักลงทุนพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เช่น อาจเป็นการลงทุนแบบระยะสั้น ทำกำไรแบบรายวัน เพราะรูปแบบการลงทุนระยะสั้นสามารถทำกำไรได้บ่อยขึ้นและลดความเสี่ยงจากการถือครองคริปโตนาน ๆ ด้วย


ย้อนรอย Bitcoin Crash ในปี 2564 

ราคาเหรียญคริปโตฯ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564


Bitcoin (BTC)

$30,000 = 1,010,000 THB

ร่วงลงจากวันก่อนหน้า 30%

Ethereum (ETH)

$1,888 = 65,000 THB

ร่วงลงจากวันก่อนหน้า 35%

Binance Coin (BNB)

$280 = 9,500THB

ร่วงลงจากวันก่อนหน้า 42%

XRP (XRP)

$0.85 = 30 THB

ร่วงลงจากวันก่อนหน้า 41%

Cardano (ADA)

$1.01 = 36 THB

ร่วงลงจากวันก่อนหน้า 49%

 ที่มา: Techtoro

ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล

  •       เข้าใจสินทรัพย์และวิเคราะห์ตลาดเป็น

ก่อนการลงทุนสินทรัพย์หรืออะไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจกับสินทรัพย์ก่อน ว่าเมื่อในอดีตที่ผ่านมาในตลาดเกิดสถานการณ์อะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ที่เราจะลงทุน เพื่อให้เราได้รู้ตัวเองว่าสามารถรองรับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากแค่ไหน


  •       เข้าใจความเสี่ยง

ว่าด้วยเรื่องการลงทุนไม่มีตลาดไหนที่ไม่ได้รับความเสี่ยง ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป แต่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ การที่เราเข้าใจความเสี่ยงเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วจะทำให้เราเพิ่มโอกาสของการลงทุนและตัดสินใจได้ดีมากขึ้น เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตตัวเองด้วย


  •        การวางแผน

การวางแผนการลงทุนไว้ล่วงหน้า และมีการเตรียมแผนสำรองเอาไว้ แม้ว่าคริปโตจะเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดในช่วงที่ผ่านมา และครองอันดับ 1 มาตลอด แต่ก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงที่สุดเช่นกัน สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ควรลงทุน คริปโตในจำนวนเงินน้อย ๆ ก่อน พอเราคุ้นชินในตลาดแล้วค่อยเพิ่มเปอร์เซ็นการลงทุนมากขึ้น

คริปโต เล่นยังไง ?

การลงทุน Cryptocurrency แบ่งออกเป็น 2 วิธี


  •    การขุด 

Bitcoin จะใช้การขุดที่เรียกว่า Proof of Work หรือ POW เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลและแก้ไขสมการตัวเลข เพื่อยืนยันสิทธิ์การทำธุรกรรม และเพิ่มข้อมูลใหม่ลงไปใน Blockchain หากนักขุดสามารถแก้ไขสมการได้ก่อน จะได้เหรียญ Bitcoin เป็นรางวัลตอบแทน


  •    การซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม

ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เปิดให้นักลงทุนหรือนักเก็งกำไร  สามารถทำการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ซึ่งจะต่างกับตลาดหุ้นที่มีวันหยุดและมีเวลาเปิดปิดตลาด 


โดยปัจจุบันการซื้อขาย Bitcoin ทำได้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายเหรียญ Bitcoin ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ต้องเสียเวลาหาผู้ซื้อหรือผู้ขายเอง และไม่จำเป็นต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้เก็บเหรียญ เพราะเมื่อเปิดบัญชีซื้อขายเว็บเทรดจะทำหน้าที่ดูแลเหรียญ Bitcoin ให้นักเทรด แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตามเงื่อนไขที่เว็บเทรดกำหนดด้วย


สำหรับนักลงทุนอยากลงทุน Bitcoin ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายแต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะเปิดบัญชีใช้บริการกับโบรกเกอร์เจ้าไหนดี บทความนี้เราขอรวบรวมข้อมูลของแพลตฟอร์มแต่ละเจ้ามาเปรียบเทียบกันเพื่อให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น


      Bitkub: แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย มีสกุลเงินดิจิทัลให้เลือกเทรดมากมาย ค่าธรรมเนียมการเทรดอยู่ที่ 0.25% ต่อครั้ง และค่าธรรมเนียมการถอนเงินเริ่มต้นที่ 20 บาท/ครั้ง 


      Zipmex: แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่เปิดให้บริการในประเทศไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ค่าธรรมเนียมในการเทรดแต่ละครั้งเริ่มต้นเพียง 0.10% ส่วนค่าธรรมเนียมการถอนเงินอยู่ที่ครั้งละ 20 บาท การเปิดบัญชีเทรดก็ทำได้ง่ายผ่านทางออนไลน์ได้เลย


      Mitrade: แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ ที่ได้รับความนิยม ค่าธรรมเนียม 0% สำหรับการฝากและการถอนเงิน Mitrade เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจาก ASIC และได้รับความเชื่อถือจากผู้ใช้มากมายกว่า 2,400,000 คนทั่วโลกเลือก Mitrade ให้เป็นโบรกเกอร์ที่ไว้ใจ และมีบัญชีทดลองเทรดพร้อมเงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ให้นักลงทุนมือใหม่ได้หัดลองเทรดทำความคุ้นชินกับตลาดอีกด้วย

จากนั้นเมื่อเราขุดบิทคอยน์ออกมาแล้ว เราสามารถนำไปแลกเป็นเงินบาทได้กับเว็บไซต์ที่ให้บริการซื้อขายเหรียญดิจิทัลเช่น bitkub.com หรือ satangcorp.com โดยแต่ละแห่งมีค่าธรรมเนียมและอัตรารับซื้อที่ต่างกันไป

ตลาดคริปโต จะเป็นอย่างไรในปี 2023? น่าลงทุนหรือไม่?

แม้ตลาดคริปโตจะเกิดความผันผวน อยู่ในช่วงขาลงตลอดปี 2022 แต่ในปี 2023 คริปโตเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่มาก ไม่เพียงแต่ธุรกรรมของเงินดิจิทัลอย่างเดียวแต่ยังรวมไปถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ อีกด้วย ล่าสุดต้อนรับเปิดปี 2023 ด้วยตลาดคริปโตฟื้นตัวขึ้นมา เมื่อวันที่ 9 มกราคม ราคา Bitcoin ปรับขึ้น 2% โดยสามารถซื้อขายเหนือระดับ 17,000 ดอลลาร์ได้ และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา


ล่าสุด ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) อนุญาตให้ธนาคารกลางแห่งชาติเก็บ Bitcoin (BTC) เป็นเงินสำรองได้ถึง 2%  เรียกได้ว่า Bitcoin (BTC) มี Use Cases เกิดขึ้นมากมาย และนักลงทุนส่วนใหญ่ก็มองว่า ในกลางปี 2023 จะเป็นช่วงเก็บสะสม BTC ก่อนการ Halving จะมาถึงในปี 2024   


จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองคิดว่าการลงทุนในตลาดของ Cryptocurrency ตอนนี้คาดว่าถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวและเป็นเงินเย็น ทยอยสะสมเหรียญไปเรื่อย ๆ ก็ยังคงมีความน่าลงทุนอยู่กับการเลือกใช้วิธีถือเหรียญระยะยาว อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในช่วงตลาดมีความผันผวนแบบนี้ แต่ในทางกลับกันการลงทุนในระยะสั้นอาจต้องอดทนต่อความผันผวนของตลาดสักหน่อย ต้องมีความมั่นใจว่าเราได้ศึกษาข้อมูลเหรียญต่าง ๆ มาเป็นอย่างดีแล้ว อาจเริ่มต้นลงทุนด้วยการเทรดจำนวนทีละน้อย ๆ ก่อน โดยไม่กระทบกับชีวิต เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงและเพื่อทดสอบตนเองในการเข้าใจหลักการลงทุนอาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีได้เช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุน คริปโต

ผู้เขียนเลือกมาเพียง 5 กลยุทธ์วิธีการเทรดที่นิยมใช้กัน 


      1.Day Trading ซื้อขายรายวัน

กลยุทธ์นี้เป็นการซื้อขายทำกำไรเสร็จภายในวันเดียว ไม่ถือข้ามวัน ทำกำไรได้ง่าย เนื่องจากมีความผันผวนสูง หมายความว่านักลงทุนมีโอกาสในการทำกำไรจากส่วนต่างของราคา Crypto ได้มากขึ้น มี Crypto ให้เลือกเทรดเยอะ สามารถเลือกเก็งกำไรได้ตามชอบอีกด้วย 


      2.Arbitrage ทำกำไรจากส่วนต่าง 

Arbitrage ถือเป็นกลยุทธ์ในการทำกำไรที่นิยมใช้กันในตลาด Crypto เพียงแค่ซื้อสินทรัพย์ในตลาดที่ราคาต่ำแล้วนำไปขายในตลาดที่ราคาสูงกว่า การคำนวณไม่มีความซับซ้อนมาก จะมีเพียงต้นทุนการซื้อ และค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม เพียงแค่นี้ก็สามารถทำกำไรได้แล้ว 


      3.กลยุทธ์แบบ Technical Analysis

วิธีนี้สามารถวิเคราะห์กิจกรรมแนวโน้มทางสถิติมาปรับใช้กับการลงทุน Crypto ได้โดยการนำข้อมูลซื้อขายในอดีตมาวิเคราะห์ พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนในตลาด ตัวอย่างเช่น Trend Analysis, Moving Average, MACD, RSI และอีกมากมาย ซึ่งก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไปในการเลือกมาปรับใช้


      4.การลงทุน คริปโตระยะยาว

       - เรียกนักลงทุนสายนี้ว่า Hodl (Hold on for dear life) ความหมายคือ ถือเหรียญคริปโตฯ ไปแบบยาว ๆ โดยอาจจะถือเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่ขาย ไม่ว่าราคาตลาดจะผันผวนรุนแรงแค่ไหนก็ตาม วิธีนี้ต้องอาศัยความอดทนพอสมควร


      - ต่อมาเป็นวิธี DCA (Dollar-Cost Average) กลยุทธ์ถัวเฉลี่ยต้น เป็นวิธีที่ใช้เงินทยอยลงทุนแต่ละงวดในจำนวนเงินเท่ากัน ต้องมีวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อหวังว่ามูลค่าของสินทรัพย์ที่ลงทุนไปจะเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ต้องการ โดยไม่สนใจความผันผวนระหว่างทาง เมื่อลงทุนอย่างต่อเนื่องในระยะยาวแล้วจะทำให้ได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ถูกลง สร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี


สิ่งที่นักลงทุนต้องคำนึงในการเทรดสายนี้คือ โครงสร้างพื้นฐานของเหรียญที่เราจะซื้อมีโอกาสเติบโตมากน้อยแค่ไหน มีศักยภาพในการเติบโตได้ในระยะยาวหรือไม่ เหรียญที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว นักลงทุนอาจเลือกลงทุนในเหรียญใหญ่ ๆ เช่น Bitcoin, Ethereum เนื่องจากมี Market Cap สูง หรือ Tether ที่เป็น Stablecoin ก็ได้เช่นกัน


      เหตุผลที่ควรลงทุนระยะยาว

เพราะการเทรดระยะยาวแบบนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลานั่งติดตามดูกราฟตลอดทั้งวัน นักลงทุนไม่ต้องแข่งขันกับเวลาถึงผลตอบแทนที่ได้รับจะน้อยกว่าการลงทุนระยะสั้น แต่ได้รับผลกำไรอย่างต่อเนื่อง


      5.การลงทุน คริปโต ระยะสั้น

การลงทุนคริปโตระยะสั้น สามารถทำกำไรได้บ่อยขึ้น ลดความเสี่ยงจากการถือครองคริปโตนานๆ อีกด้วย โดยการเทรดมักจบลงภายในไม่กี่วัน หรือจบลงเพียงหนึ่งวันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละคน โดยทำกำไรจากจังหวะราคาที่ผันผวน แต่ก็ต้องแลกมากับการนั่งเฝ้าดูกราฟหน้าจอเพื่อติดตามราคาอย่างใกล้ชิด


      - การลงทุนระยะสั้นทำงานอย่างไร? 

การเทรดระยะสั้นเหมาะสำหรับการเทรด CFD ซึ่งเป็นวิธียอดนิยมที่นักลงทุนใช้เข้าเทรดในตลาดเงิน หมายความว่านักลงทุนไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์ สามารถทำกำไรได้ทั้งราคาขาขึ้นและขาลงอีกด้วย นอกจากนักลงทุนจะเทรดคริปโตด้วย CFD ได้แล้ว ยังสามารถเทรดสินทรัพย์ได้หลากหลายแบบ ซึ่งรวมถึงสกุลเงิน หลักทรัพย์ ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย

สรุป

การลงทุน Bitcoin สามารถทำได้  2 ทางหลัก ๆ ก็คือ การขุด และการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม การลงทุนทั้งสองรูปแบบนี้มีรูปแบบความยากง่ายแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับนักลงทุนชอบแบบไหนมากกว่ากัน จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง อยากแนะนำนักลงทุนมือใหม่ว่า ให้เลือกวิธีการเทรด Bitcoin จะดีกว่า เพราะเหมาะสำหรับมือใหม่หัดลงทุน ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายเหรียญ Bitcoin ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องมีกระเป๋าเงินดิจิทัลไว้เก็บเหรียญอีกด้วย เพราะเมื่อนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายที่น่าเชื่อถือแล้ว เว็บเทรดจะทำหน้าที่ดูแลเหรียญให้นักลงทุนเอง แต่ต้องเสียค่าทำเนียมตามเงื่อนไขของเว็บเทรดด้วย อย่างไรก็ตามการลงทุนควรเลือกรูปแบบให้เหมาะสมกับความถนัดของตนเองด้วยนะคะ

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์