วิเคราะห์ราคาทองคํา (Gold Price) วันนี้ | วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - ประจำวันที่ 20/3/2023

ราคาทองคําวันนี้ (ที่มา: Mitrade)

Gold Spot ในปัจจุบันอยู่ที่บริเวณ $1,970 ขณะที่ Gold Futures อยู่ที่บริเวณ $1,975.75

ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 3% เมื่อวันศุกร์ เนื่องจากความกังวลของวิกฤตการธนาคารได้โจมตีตลาด และทำให้ทองคำที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงและสินทรัพย์ปลอดภัยดั้งเดิมพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ตลาดตั้งเดิมพันว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมีท่าทีแข็งกร้าวน้อยลงในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยสิ่งสำคัญในสัปดาห์นี้ ทุกสายตาจับจ้องไปที่ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะมีกำหนดการปรับอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า “ทองคำพุ่งขึ้นจากความวิตกว่า ข่าวธนาคารที่ไม่ดีอาจปรากฏขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และหวังว่า Fed จะหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวในสัปดาห์นี้”

ราคาทองคำอาจมีช่องว่างให้ขยับสูงขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยความเชื่อมั่นในเชิงบวกของนักลงทุนรายย่อยพุ่งสูงขึ้นทั่วตลาด เนื่องจากพวกเขามองหาวิธีป้องกันตนเองจากวิกฤตการธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ Wall Street กำลังมีท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้นในระยะใกล้นี้

การสำรวจล่าสุดของ Kitco News แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน Main Street ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากทองคำปรับตัวขึ้นดีที่สุดในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของบรรดานักวิเคราะห์ของ Wall Street นั้นมีความหลากหลายมากกว่าเล็กน้อย

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าทองคำเป็นขาขึ้นในปีนี้ เนื่องจากความวุ่นวายในตลาดการเงินที่เพิ่มขึ้นจะบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยุติวงจรการคุมเข้มที่เข้มงวดยาวนานตลอดทั้งปีอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ แม้ว่านักวิเคราะห์จะกล่าวว่าทองคำกำลังถึงจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลในปีนี้ แต่ตลาดก็ดูมีการซื้อมากเกินไป (Overbought)

Adrian Day กล่าวว่า “สภาวะตลาดกระทิงที่ทรงอิทธิพลของทองคำเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจาก Fed จะละทิ้ง QT เนื่องจากธนาคารล้มเหลว หลายคนกล่าวว่า Fed จะยังคงตึงตัวต่อไปจนกว่าจะ "มีบางอย่างแตกหัก" และตอนนี้สิ่งที่ว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว” และ “อย่างไรก็ตาม หลังจากการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งดังกล่าว ทองคำก็แตะเพดานในเดือนมกราคมและเมษายนปีที่แล้ว ดังนั้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เราอาจเห็นการย่อตัว ก่อนที่ราคาจะกลับขึ้นไปทะลุแนวดังกล่าว”

นักวิเคราะห์จาก Wall Street 22 คนเข้าร่วมการสำรวจทองคำของ Kitco News 

ในบรรดาผู้เข้าร่วม นักวิเคราะห์ 9 คนหรือ 41% มองว่าทองคำจะเป็นขาขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ 

ในเวลาเดียวกัน นักวิเคราะห์ 5 รายหรือ 23% มองว่าจะเป็แนวโน้มขาลง 

และนักวิเคราะห์ 8 รายหรือ 36% เห็นว่าราคาจะซื้อขายในทิศทาง Sideway

ในขณะเดียวกัน มีการสำรวจอีก 707 ในแบบสำรวจออนไลน์ของ Main Street ในจำนวนนี้ 

ผู้ตอบแบบสอบถาม 445 คนหรือ 63% มองว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้

อีก 169 คนหรือ 24% ระบุว่าราคาจะต่ำกว่านี้ 

ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 93 คนหรือ 13% ระบุว่าราคาน่าจะ Sideway ในระยะเวลาอันใกล้นี้

แนวโน้มขาขึ้นของ Main Street เกิดขึ้นเมื่อราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

การสำรวจ แสดงให้เห็นว่า โดยเฉลี่ยแล้ว นักลงทุนรายย่อยมองว่าราคาทองคำจะสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ที่ประมาณ 1,922 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกในรายละเอียดของผลลัพธ์ ผู้ตอบแบบสอบถามน้อยกว่า 1 ใน 3 เห็นว่าราคาทองคำร่วงต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นักวิเคราะห์ตลาด Bullish Wall Street มองว่าทองคำจะมีศักยภาพมากขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยบางคนมองว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

Kevin Grady ประธาน Phoenix Futures and Options กล่าวว่าทองคำดูดีเนื่องจาก Federal Reserve ติดขัด แม้ว่าตลาดจะมองเห็นโอกาส 73% ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดในสัปดาห์นี้ แต่ Grady กล่าวว่าอาจเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก

“ผมคิดว่ามีโอกาสที่ดี ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม เพราะพวกเขาไม่ต้องการเพิ่มความเครียดให้กับวิกฤตการธนาคารทั่วโลก” การปรับขึ้นอีก 25 จุดพื้นฐาน อาจผลักดันธนาคารอื่นๆ ให้เจอกับปัญหาได้” เขากล่าว “หากสิ่งนี้เกิดขึ้น คุณจะเห็นราคาทองคำสูงขึ้นมาก”

นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่าทองคำจะอ่อนไหวต่อความเชื่อมั่นของตลาดที่ดีขึ้น หากหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลสามารถควบคุมวิกฤตได้

Colin Cieszynski หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ SIA Wealth Management กล่าวว่า “ผมคิดว่าทองคำอาจมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ แต่ผมยังไม่ชัดเจนในทิศทางนี้ ทองคำได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการไหลเข้าของเงินทุน ซึ่งเข้าสู่แหล่งป้องกันความเสี่ยงเนื่องจากความเครียดในระบบธนาคารทั่วโลก แนวโน้มนี้สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างง่ายดายในสัปดาห์นี้ ในทางกลับกัน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจดีขึ้น ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ กระแสลมอาจพลิกผัน โดยหลักๆ แล้วขึ้นอยู่กับสิ่งที่ Fed จะทำในคืนวันพุธ Fed ที่ไม่ทำอะไรจะเป็นขาขึ้นสำหรับทองคำ Fed ที่เข้มงวดอาจมีแนวโน้มเป็นขาลงสำหรับทองคำ”

ทองคำซึ่งกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเนื่องจากวิกฤตการธนาคารที่เริ่มต้นจากความล้มเหลวของ Silicon Valley Bank (SVB) ทำให้นักลงทุนแห่กันไปที่สินทรัพย์ที่ปลอดภัย

หุ้นของ Credit Suisse ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในการเทขาย หลังจากที่นักลงทุนรายใหญ่ที่สุดกล่าวว่าไม่สามารถให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคารสวิสได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารกลางของประเทศตกลงปล่อยกู้สูงถึง 54,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากการล่มสลายของธนาคารสหรัฐ 3 แห่ง ได้แก่ SVB, Silvergate และ Signature Bank

แต่ตัวขับเคลื่อนที่แท้จริงของราคาทองคำในปัจจุบันคือการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หยุดชั่วคราว หรือลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเท่าใด เนื่องจากธนาคารกลางได้พิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจและชั่งน้ำหนักวิกฤตการธนาคารก่อนการประชุมในสัปดาห์นี้

สมาชิกของ Federal Open Market Committee จะตัดสินใจในวันที่ 22 มีนาคม ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนของรัฐบาลกลางอีก 25 หรือ 50 จุดพื้นฐาน หรือปล่อยให้อยู่ระหว่าง 4.5 ถึง 4.75%

เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายแปดครั้งล่าสุดของพวกเขา ซึ่งครอบคลุมระยะเวลา 12 เดือน เนื่องจากพวกเขาพยายามที่จะลดอัตราเงินเฟ้อลงเหลือเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ตาม การล่มสลายของธนาคารพาณิชย์และส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดได้เพิ่มปัจจัยที่ซับซ้อนให้กับ Fed ในขณะที่ Fed กำลังถกเถียงกันถึงมาตรการต่อไปเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ

Silicon Valley Bank และ Signature Bank เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่า 209 พันล้านดอลลาร์และ 110.4 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ (JP Morgan Chase, Bank of America และ Citibank เป็นสามรายใหญ่ที่สุดที่มีมูลค่าระหว่าง 1.7 ถึง 3.2 ล้านล้านดอลลาร์)

เมื่อธนาคารใน Silicon Valley ล่มสลาย ธนาคารแห่งนี้กลายเป็นความล้มเหลวของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา รองจาก Washington Mutual Bank อันดับหนึ่งในเดือนกันยายน 2008

แม้ว่าทองคำจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 100 ดอลลาร์จากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,034 ดอลลาร์ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 แต่นักลงทุนบางส่วนก็ยังเทขายทองคำ

เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทองคำไม่ได้จ่ายทั้งเงินปันผลและไม่ใช่ผลตอบแทน ทำให้ค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำสูงขึ้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้ราคาทองคำลดลง 5% ในเดือนกุมภาพันธ์

เมื่อเดือนที่แล้ว นักลงทุนจำนวนมากของ ETF ที่มีทองคำหนุนหลังตัดสินใจขาย จากข้อมูลของ World Gold Council กองทุน ETF ทองคำสูญเสีย 1.7 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ นับเป็นการขาดทุนติดต่อกัน 10 เดือน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2014

อย่างไรก็ตาม จากที่เราสังเกตเห็นราคาทองคำยังคงสูงอยู่ แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะสูงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น ซึ่งทั้งสองอย่างหลังมีความผันผวนในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งปกติแล้วเงินดอลลาร์และทองคำจะเคลื่อนไหวสวนทางกัน

การซื้อของธนาคารกลางเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมทองคำจึงครองตลาดของตัวเองในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

มีรายงานว่าความต้องการทองคำของธนาคารกลางมีความต่อเนื่องจากการซื้อทองคำในปี 2022 โดย CBs เพิ่ม 31 ตันให้กับทองคำสำรองทั่วโลกในเดือนมกราคม สภาโลกกล่าวเมื่อต้นเดือนนี้

วิกฤตการธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด และราคากำลังขยับไปในระยะที่โดดเด่นที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ระบบธนาคารของสหรัฐฯ ยุ่งเหยิงไปหมดและไม่มีใครรู้ว่ามันจะเลวร้ายขนาดไหน Laurence Fink CEO ของ BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยอมรับว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายขนาดไหนในตอนนี้

“เรายังไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจากเงินง่าย ๆ และการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบจะลดน้อยลงไปทั่วทั้งภาคการธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐหรือไม่ และจะมีการยึดหรือการปิดระบบมากขึ้นหรือไม่” Fink กล่าวในจดหมายประจำปีถึงนักลงทุน

ผู้ฝากเงินกำลังเคลื่อนย้ายเงินออกจากธนาคารในภูมิภาคด้วยอัตราที่เหลือเชื่อ ทำให้เกิดภาวะขาดสภาพคล่อง ในการระดมทุนที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ธนาคารในภูมิภาคเหล่านี้ต้องขายพันธบัตร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารเหล่านี้จึงขายพันธบัตรโดยขาดทุน

ธนาคาร Silicon Valley ซึ่งเป็นโดมิโนตัวแรกที่ล้ม สูญเสีย 2 พันล้านดอลลาร์เนื่องจากขายสินทรัพย์ได้ 21 พันล้านดอลลาร์

ในอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่าระบบการเงินอ่อนแอเพียงใด ตามข้อมูลจาก Federal Reserve ธนาคารต่างๆ ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารกลางสหรัฐเป็นประวัติการณ์ถึง 164.8 พันล้านดอลลาร์ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 4.58 พันล้านดอลลาร์ที่ยืมเมื่อสัปดาห์ก่อน สำหรับการเปรียบเทียบ สถิติก่อนหน้านี้อยู่ที่ 111 พันล้านดอลลาร์

นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ตลาดได้เตือนนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐกำลังจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ

ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นมากกว่าวิกฤตการธนาคารของสหรัฐ Credit Suisse ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ต้องกู้เงิน 54,000 ล้านดอลลาร์จากธนาคารแห่งชาติสวิสเพื่อเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน เมื่อวันพุธ ธนาคารสวิสเห็นหุ้นของบริษัทร่วงลงกว่า 30% หนึ่งวันหลังจากระบุในรายงานประจำปีว่าขาดทุน 8 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน ลูกค้าผู้มั่งคั่งถอนเงินจากธนาคารประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สี่

ในการให้สัมภาษณ์ Axel Merk ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Merk Investments กล่าวว่าทองคำจะพุ่งขึ้นเนื่องจากตลาดมีความไม่แน่นอน เขาเสริมว่าไม่มีทางที่ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้

เพื่อเป็นการรักษาหน้า Federal Reserve อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดในสัปดาห์นี้ แต่ Merk กล่าวว่ามันจบแล้ว

นักวิเคราะห์สังเกตว่าราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือ $1,960 อย่างแข็งแกร่ง ทำให้มีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ $2,000 ต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกเหมือนเป็นตัวเลขที่ล้าหลังแล้ว แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้ง Bloomberg Intelligence และ Wells Fargo ต่างกล่าวว่า ในที่สุดแล้วพวกเขามองว่าทองคำจะขึ้นไปอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในที่สุด ตามรายงานจาก Anna Golubova จาก Kitco

แน่นอนว่าในขณะที่เราทุกคนมุ่งเน้นไปที่ภาคการธนาคาร อย่าลืมว่าเศรษฐกิจโลกยังเผชิญกับภัยคุกคามจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง การสำรวจล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.8% ภายในปีหน้า แม้ว่าตัวเลขนี้จะลดลงจากประมาณการของเดือนกุมภาพันธ์ที่ 4.1% แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐที่ 2%

Matthew Piepenburg ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ของ Matterhorn Asset Management และผู้แต่งเรื่อง Gold Matters: Real Solutions to Surreal Risks กล่าว ว่าเขายังคงให้ความสำคัญกับทองคำเพื่อป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาว

“ผมไม่สงสัยเลยว่าเงินดอลลาร์ในกระเป๋าของผม ถ้าผมใส่ไว้ที่นั่นและกลับมาในอีก 2 ปี มันจะมีค่าน้อยกว่าทองหนึ่งกรัมที่ผมมีอยู่ในกระเป๋า” เขากล่าว

การประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้ จะตามมาด้วยการแถลงของประธาน Fed Jerome Powell

อย่างไรก็ตาม การประชุม FOMC ครั้งนี้จะค่อนข้างแตกต่างตรงที่มีองค์ประกอบหลักเพิ่มเติมที่ต้องนำมาพิจารณาในการตัดสินใจ ไม่เพียงแต่ธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงให้ความสำคัญกับการลดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งยังคงเหนียวแน่นและคงอยู่ในหลายภาคส่วน แต่ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องคำนึงถึงวิกฤตการธนาคารที่กำลังเกิดขึ้น

ทันที FDIC และหน่วยงานกำกับดูแลการธนาคารเข้ามารับประกันว่าเงินของผู้ฝากจะพร้อมใช้งาน จากนั้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ธนาคารรายใหญ่ 11 แห่งของสหรัฐฯ ได้สร้างกองทุนมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจัดขึ้นที่ธนาคารสาธารณรัฐแห่งแรก เพื่อสร้างความช่วยเหลือให้ธนาคารต่างๆ เช่น SVB และธนาคาร Bank of New York หน่วยงานกำกับดูแลการธนาคารของรัฐบาลกลางชื่นชมการสนับสนุนของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่นี้ เนื่องจากเป็นการยืนยันถึงความยืดหยุ่นของระบบธนาคารในสหรัฐอเมริกา

สิ่งนี้นำเราไปสู่การประชุม FOMC มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะอนุมัติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐาน โดยที่วิกฤตการธนาคารจะสวนทางกับความเห็นของธนาคารกลางสหรัฐที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าจะมีข่าวลือว่า Fed อาจหยุดชั่วคราว นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า Fed จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปแม้ว่าจะเกิดวิกฤตการธนาคารก็ตามเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้อย่างรุนแรงเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ขณะนี้ราคาจะมีการปรับตัวลงมาบ้าง

ราคาสามารถพุ่งทะลุแนวต้าน $1,960 ได้อย่างแข็งแรง ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้ม

และด้วยการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นำพาให้ RSI ระดับ 1 วัน ขึ้นมาอยู่ในโซน Overbought หรือซื้อมากเกินไป ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคามีการปรับตัวลงเล็กน้อยในวันนี้ นอกเหนือจากข่าวการเข้าช่วยเหลือของภาคธนาคาร

อย่างไรก็ตาม แนวต้านบริเวณ $1,960 ที่ผ่านมขึ้น ได้เปลี่ยนเป็นแนวรับในขณะนี้ และราคามีโอกาสลงมาทดสอบได้อีกครั้ง ก่อนเกิดการประชุม FOMC

กรอบราคาในสัปดาห์นี้ มีโอกาสที่จะเห็นราคาขยับอยู่ในช่วง 1,996 - $1,960 แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะกลับลงมาต่ำกว่า$1,960 ได้เช่นกัน

ความวุ่นวายในตลาดการเงิน และความเคลื่อนไหวของ Fed สัปดาห์นี้ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนได้

- แนวต้าน จะอยู่ที่บริเวณ $1,980 - $2,000

- แนวรับ จะอยู่ที่บริเวณ $1,960 และ  $1,940